สแปม แค่เนื้อบดเองหรอ?

"SPAM" แค่เนื้อแฮมบดเองเหรอ ?


ขอบอกก่อนว่าผมชอบกินเมนูที่ใส่เนื้อบดสแปมมาก ๆ เลยล่ะครับ
ด้วยรสชาติเค็มๆ แต่มันอร่อยแบบบอกไม่ถูกเหมือนกัน
เจ้าสแปมนั่น มันค่อนข้างหาทานตามร้านอาหารไม่ค่อยง่ายเท่าไร ส่วนใหญ่ต้องไปหาร้านอาหารเกาหลีหรือฮาวาย 
(ส่วนใหญ่ผมก็ซื้อ SPAM กระป๋องมาทำข้าวผัดหรือสเต๊กสแปมกินเอง)
กินไปกินมาก็เลยเกิดความอยากรู้เรื่องราวของเจ้าเนื้อบดกระป๋องชนิดนี้ขึ้นมาทันที

หากแต่ว่าเมนูเนื้อแฮมบดอันนี้ อาจไม่ได้มีเรื่องราวที่ธรรมดาสักเท่าไร
ว่าแต่…ทำไมเมนูนี้ถึงยอดนิยมแค่ในบางประเทศเท่านั้น (เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น(โอกินาวะ) และ หมู่เกาะฮาวาย) ? 
แล้วเนื้อบด (SPAM) มันไปเกี่ยวอะไรกับชื่อที่เรียกอีเมลขยะหรือการส่งข้อความก่อกวนอย่าง สแปม (SPAM) กันได้ละ ? 
งั้นวันนี้ผมจะขอพาเพื่อน ๆ ไปทำความรู้จักกับ “SPAM” ให้มากขึ้นกันดีกว่า !


______________________________________________

 


แฮม SPAM มาจากไหนกันหว่า ?


SPAM  ย่อมาจาก Spiced Ham เป็นหนึ่งในประเภทของเนื้อสัตว์บด (Luncheon meat)
จะเป็นเนื้อไก่หรือเนื้อหมูก็ได้ แต่เราจะคุ้นเคยกับ SPAM ในรูปแบบของเนื้อหมู(แฮม)บดเสียมากกว่า
.
จุดกำเนิดเริ่มต้นจาก SPAM เริ่มจากการเป็นแบรนด์ของผลิตภัณฑ์เเฮมบรรจุกระป๋องของบริษัท Hormel Foods โดยคุณ Jay Catherwood Hormel ประเทศสหรัฐอเมริกา ถูกคิดค้นในปี ค.ศ. 1937 แรงบันดาลใจของคุณ Hormel ในการทำเจ้าแฮมกระป๋องนี้เหรอ ก็ง่ายมาก.. คือ เค้าต้องการนำส่วนเนื้อของหมูที่คนไม่นิยมทานกัน และขายไม่ค่อยออก เพราะเนื้อมันน้อย (ตรงส่วนไหล่และขาหลัง) มาผสมกับเครื่องเทศ บดและอัดลงในกระป๋อง โดยตั้งราคาขายที่ผู้คนเข้าถึงได้


เข้าถึงได้ที่ว่านี้ คือ คุณ Hormel เค้าเล็งเจาะตลาดกลุ่มแม่บ้านนั่นเอง (อย่าลืมว่า สมัยนั้นเป็นยุควิกฤติการเงินและสงครามโลกครั้งที่ 2 ด้วยนะ)
แน่นอนว่า นอกจากกลุ่มแม่บ้านแล้วเนี่ย คุณ Hormel ดันจับได้กลุ่มตลาดที่ใหญ่มากที่สุดในสหรัฐอเมริกาเลย นั่นคือ กลุ่มทหารอเมริกันที่บินออกไปร่วมสงครามโลกครั้งที่ 2 นั่นเอง ด้วยความที่เป็นอาหารกระป๋อง อุดมไปด้วยโปรตีนและพลังงานที่สูง พกพาสะดวกและเก็บได้นาน SPAM ของคุณ Hormel จึงกลายเป็นหนึ่งในเสบียงที่ทหารอเมริกันต้องพกติดกองทัพไปทุกที่ หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 สงบลง ปรากฏว่า SPAM ของคุณ Hormel กลับขายดีเทน้ำเทท่ามากขึ้นกว่าเดิม ว่าแต่เพราะอะไรกันละ ?
.
หนึ่งในเหตุผลสำคัญคือ แฮมกระป๋อง SPAM มีการขยายตัวไปยังตลาดต่างประเทศที่ดีขึ้นนั่นเอง คือแบบนี้ หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เกาหลีใต้และญี่ปุ่นเจอปัญหาขาดแคลนเนื้อสัตว์ อย่างที่ได้เล่าไปว่า SPAM เนี่ยเป็นหนึ่งในอาหารกระป๋อง (ขอเรียกว่าเป็นอาหารกระเป๋าพกติดตัวไปทุกที่) 
กองทัพทหารอเมริกันจึงได้ส่งมอบเนื้อแฮมบดที่มีราคาถูกแต่โปรตีนสูง จนกลายเป็นที่นิยมใน 2 ประเทศนี้
.
สำหรับชาวเกาหลีแล้ว หลังจากที่ได้รับการแบ่งปันแฮมกระป๋องจากทหารอเมริกัน ชาวเกาหลีจึงได้นำเนื้อบดเหล่านั้นเข้ามาผสมกับเมนูสุดฮิตประจำกองทัพเกาหลีใต้ นั่นคือ “บูแดชิแก (부대씨개)” หรือที่มีฉายาว่า สตูกองทัพ นั่นเอง 

 


หลังจากนั้นมา SPAM จึงกลายเป็นสัญลักษณ์แห่งมิตรภาพและความช่วยเหลือจากทหารอเมริกัน แต่ที่มากไปกว่านั้นคือ ความอร่อยลงตัวของ SPAM ที่อยู่ใน “บูแดชิแก” ที่ฮิตติดลมบนในเกาหลีไปแล้วนั่นเองคร้าบบ
.
มาที่ญี่ปุ่นกันสักนิด ความนิยมสแปมของชาวญี่ปุ่น จะอยู่ทางตอนใต้อย่างที่หมู่เกาะโอกินาวะ ที่ทหารอเมริกันได้เคยมาตั้งฐานทัพ และในฐานะที่เป็นผู้ชนะในสงครามโลกครั้งที่ 2 กองทัพสหรัฐจึงได้มอบ SPAM ให้กับชาวญี่ปุ่นคล้าย ๆ เกาหลีใต้นั่นเอง
(เพราะในเวลาเดียวกันนั้น ญี่ปุ่นกับเกาหลีใต้ประสบปัญหาขาดแคลนเนื้อสัตว์เหมือนกัน)
.
ถึงแม้ว่า 2 ประเทศนี้เนี่ย SPAM เค้าจะฮอตฮิตมากก็ตามที แต่มองไปมองมา อาจดูเหมือนเป็นเรื่องตลกร้ายเหมือนกัน เพราะว่า SPAM ที่กำเนิดจากของเหลือ มีราคาถูก และนำไปใช้เป็นอาหารเพื่อความอยู่รอดในกองทัพ จนกลายมาเป็นสิ่งที่สร้างมูลค่าให้กับเกาหลีใต้และญี่ปุ่น (ในแบบที่ชาวอเมริกันและคุณ Hormel ไม่คาดคิด ) แต่ถ้ามาดูในเรื่องของปริมาณผู้บริโภค SPAM จริง ๆ เนี่ย เพื่อน ๆ คงจะพอเดาได้ว่าผู้บริโภคอันดับที่ 1 คงจะไม่พ้นประเทศต้นตำรับอย่างสหรัฐอเมริกาอยู่ดี แต่เพื่อน ๆ พอเดากันได้ไหมว่ารัฐไหนในสหรัฐอเมริกา ?

นั่นคือหมู่เกาะฮาวาย หรือ รัฐฮาวาย นั่นเองครับ สั้น ๆ คือ เรื่องตลกร้ายที่เราแซวไว้ มันก็เกิดคล้ายๆกันกับชาวฮาวาย ซึ่งรัฐฮาวายเคยเป็นหนึ่งในฐานทัพใหญ่ของอเมริกา ด้วยความที่หมู่เกาะฮาวายอยู่ห่างจากอเมริกาแผ่นดินใหญ่ตั้ง 2,000 ไมล์ อาหารกระป๋องอย่าง SPAM จึงมีแหล่งโปรตีนที่มีบทบาทสำคัญ นั่นเอง แถมหมู่เกาะฮาวายก็มีความหลากหลายทางประชากรและเชื้อชาติเยอะ ชาวพื้นเมืองและผู้อพยพก็เพียบ
เดาว่า…เพื่อน ๆ คงพอจะเดากันได้แล้วว่า หลังจบสงครามโลก SPAM ก็กลายเป็นเมนูยอดฮิตไปตามเคย
.
หนึ่งในเมนูที่เรามักจะสับสนว่า เอ้ะ ! ตกลงมันเป็นของญี่ปุ่นหรือฮาวายกันแน่นะ นั่นคือ เมนู “SPAM Musubi” ที่หน้าตาเหมือนอาหารญี่ปุ่น
แต่จริง ๆ แล้ว เมนูนี้ว่ากันว่าถูกคิดค้นโดยชาวฮาวาย ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากซูชิของญี่ปุ่น (บ้างก็ว่าเป็นคนญี่ปุ่นที่ย้ายถิ่นไปอยู่ฮาวาย)  
เพราะเหตุนี้ หน้าตาของเค้ามันเลยละม้ายคล้ายซูชิหน้าสแปมก้อนใหญ่ของญี่ปุ่น นั่นเอง
อย่างไรก็ดี เมนูนี้เป็นที่นิยมมากในหมู่เกาะโอกินาวะของญี่ปุ่นด้วยเช่นกัน
เพื่อน ๆ ยังทราบอีกไหมว่า ที่หาดไวกีกิ (Waikiki) เมืองโฮโนลูลูของฮาวาย เค้าจะมีเทศกาลที่ชื่อว่า “Spam festival in Waikiki” หรือ “SPAM JAM” ที่จะมีร้านค้าต่างสไตล์มาผลิตเมนูที่มีสแปมเป็นส่วนผสมให้กินพร้อมปาร์ตี้แบบจุใจ 


______________________________________________


แล้วเนื้อบด (SPAM) มันไปเกี่ยวอะไรกับชื่อที่เรียกอีเมล์ขยะหรือการส่งข้อความก่อกวนอย่าง สแปม (Spam) กันได้ละ ?
ถึงแม้จะมีชื่อเหมือนกัน แต่พวกเราเชื่อว่าเพื่อน ๆ คงไม่จำสลับกันแน่นอน แต่พอนึกถึง มันก็อดสงสัยไม่ได้พวกเราไปหาคำตอบสั้น ๆ มาให้แล้ว


มันมีละครตลกของคณะตลก ‘Monty Python’s Flying Circus’ ในช่วงยุค 60-70 ที่มีฉากหนึ่งเป็นฉากที่ตัวละครผู้ชายชาวไวกิ้งได้เข้าไปสั่งอาหารในร้าน ซึ่งร้านอาหารร้านนี้มีการนำ SPAM แฮมกระป๋องเป็นส่วนประกอบในทุกเมนู ลูกค้าชาวไวกิ้งบอกว่า เค้าไม่ชอบกิน SPAM ให้คุณป้าแม่ครัวช่วยเอาเมนูที่ไม่มี SPAM มาให้ทานหน่อย แต่จนแล้วจนรอด ป้าแม่ครัวก็สรรหาแต่เมนูที่มี SPAM SPAM SPAM มาให้ลูกค้าชาวไวกิ้งกิน จนคุณเค้าหงุดหงิด “ก็ชั้นไม่ได้อยากกินสแปม ทำไมป้าถึงเสิร์ฟแต่ สแปมมมมมมมม !! ” เหมือนเป็นการพยายามยัดเยียดในสิ่งที่คนไม่ต้องการ
เลยกลายเป็นคำว่า สแปม หรือ อีเมล/ข้อความขยะ แบบที่เราคุ้นเคยกันนั่นเอง

 

______________________________________________

 

Visitors: 42,805